วันที่ 14 พฤศจิกายน 2556
การเรียนการสอน
อาจารย์ชี้แจงรายละเอียดของคะแนน มีดังนี้
- จิตพิสัย 10 คะแนน
- งานเดียว (วิจัย) 10 คะแนน
- งานกลุ่ม (นำเสนอ) 20 คะแนน
- บันทึกอนุทิน Blogspot 20 คะแนน
- สอบกลางภาค 15 คะแนน
- สอบปลายภาค 15 คะแนน
จากนั่นอาจารย์ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม 5 กลุ่ม แล้วมอบหมายงาน มีทั่งหมด 5 เรื่อง
- เด็กซี. พี (กลุ่มดิฉัน)
- เด็กดาวน์ซินโดรม
- เด็กออทิสติก
- เด็กสมาธิสั้น
- เด็กแอลดี
เด็กพิเศษ (Special Child) มาจากคำเต็มๆ
ว่า “เด็กที่มีความต้องการพิเศษ” (Child with
Special Needs) หมายถึง เด็กกลุ่มที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลช่วยเหลือเป็นพิเศษมากกว่าเด็กทั่วๆ
ไป ทั้งในด้าน การใช้ชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ และการเข้าสังคม
กระทรวงการศึกษาได้แบ่งประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
ออกเป็น 9 ประเภท ดงนี้
1) ความบกพร่องทางสติปัญญา
2.) เด็กบกพร่องทางการได้ยิน
3.)
เด็กบกพร่องทางการเห็น
4.)
เด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
5.)
เด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
6.)
เด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
7.)
เด็กบกพร่องทางการเรียนรู้
8.)
เด็กออทิสติก
9.)
เด็กพิการซ้อน
1) ความบกพร่องทางสติปัญญา บุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา(Montal Retarelation) หมายถึง
บุคคลที่มีภาวะจำกัดในการปฏิบัติงานและแสดงลักษณะความสามารถทางสติปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ()ปรากฏร่วมกับมีความจำกัดทางทักษะด้านการปรับตัวอย่างน้อย
2 ทักษะหรือมากกว่า
ทั้งนี้ต้องมีภาวะความบกพร่องทางสติปัญญาเกิดขึ้นก่อนอายุ 18 ปี
2.) เด็กบกพร่องทางการได้ยิน
หมายถึง เด็กหูหนวก และ เด็กหูตึงเด็กหูหนวก
เป็นเด็กที่สามารถได้ยินเสียงคนพูดน้อยมาก ใช้เครื่องช่วยฟังก็ไม่ได้ผล
ซึ่งเด็กหูตึงเป็นเด็ก ที่สามารถได้ยินเสียงพูดบ้าง แต่ต้องใช้ เครื่องช่วยฟัง
ช่วยขยายเสียงให้ชัดเจนขึ้น
3.)
เด็กบกพร่องทางการเห็น หมายถึง
เด็กที่สูญเสียทางการเห็นตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนถึงตาบอดสนิท มักพบได้บ่อยๆ
ในโรงเรียนและในสังคมทั่วไป
ซึ่งสามารถแบ่งประเภทของเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็นออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. เด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็นประเภทมองเห็นเลือนราง
2. ตาบอดสนิท
การนำไปใช้
การวางแผนการทำงานกลุ่มและได้ศึกษาความหมายของเด็กพิเศษที่มีความต้องการพิเศษเพื่อนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น